แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Knowledge แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Knowledge แสดงบทความทั้งหมด

ข้อควรระวังเมื่อใช้ปากกาความร้อน

  1. ควรเช็ดมือ และเท้าให้แห้งก่อนทำงานทุกครั้ง เพื่อป้องกันไฟดูด
  2. สถานที่ ควรโล่งอากาศถ่ายเทสะดวก และไม่มีสิ่งของกีดขวาง
  3. เมื่อพักการใช้งานทุกครั้ง ควรวางปากกาไว้ที่พักหัวปากกา เพื่อไม่ให้หัวปากกาสัมผัสกับโตะทำงาน หรือวัสดุอื่น ซึ่งอาจจะติดไฟได้
  4. ระวังอย่าให้ปากกาชื้น หรือเปียกน้ำ เพราะอาจเกิดไฟดูดได้
  5. ห้ามล้างปากกาด้วยน้ำเด็ดขาด ให้ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด
  6. ระวังอย่าให้ปากกาตก เพราะหัวปากกาอาจคด หรือหักได้
  7. ควรให้สายไฟอยู่ด้านนอกของมือผู้ใช้เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้หัวปากกาที่ร้อนจัดสัมผัสกับสายไฟของปากกา
  8. ไม่ควรให้หัวปากกาสัมผัสกับพื้นผิวอื่นนอกเหนือจากไม้ ดดยเพาะวัสดุที่ติดไฟง่าย
  9. หากจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนหัวปากกาในขณะที่หัวปากกายังร้อนอยู่ ให้ใช้คีมปากแบนคีบหัวปากกา
  10. ขณะทำงานให้จับเฉพาะด้ามปากกาซึ่งเป็นฉนวนเท่านั้น ห้ามจับส่วนที่เป็นโลหะเด็ดขาด
  11. ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ใช้ปากกาความร้อน เพราะอารเกิดอุบัติเหตุ ให้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่
  12. ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งหลังใช้งาน
  13. พึงระลึก ปลอดภัยไว้ก่อน

ดูแลปากกาความร้อน

การตรวจสอบ และดูแลปากกาความร้อน
  1. ตรวจสอบระบบ ไฟฟ้าที่ใช้กับอุปกรณ์ปากกาความร้อน บ้านเราใช้ไฟฟ้า โดยมีแรงดันไฟฟ้า 220 V หากอุปกรณ์ต้องการแรงดันไฟฟ้า 110 V ควรต้องใช้เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า
  2. ตรวจสอบหัวปากกา หลวมหรือแน่นดีแล้วหรือยัง
  3. เลือกใช้หัวปากกาความร้อน ให้เหมาะกับงาน และลวดลายที่ใช้
  4. ก่อนใช้งานควรเสียบปลั๊กไฟฟ้าทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้ได้ค่าความร้อนที่ต้องการ
  5. ถ้าใช้ปลั๊กพ่วง ควรเลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตราฐาน แบบม้วนเป็นขดที่ขายตามห้างสรรพสินค้า ไม่เหมาะกับงานนี้ เพราะเราต้องใช้เวลาทำงานนาน และอุปกรณ์ปากกาความร้อนใช้กระแสไฟฟ้าสูง
  6. ขณะใช้งานหัว ปากกาจะมีเขม่าดำจับ ให้ฝนหัวปากกากับวัสดุที่ผลิตมาจากโรงงาน ถ้าไม่มีก็ใข้กระดาษทรายเบอร์ละเอียด และระวังจากการสึกของหัวปากกา
  7. หากใช้เวลานานติดต่อกัน 4-5 ชั่วโมง ควรพักการใช้งานสักครู่
  8. ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งหลังใช้งาน และทิ้งไว้ให้เย็นก่อนเก็บในที่ปลอดภัย
  9. หลังการใช้งาน ให้เช็ดทำความสะอาดหัวปากกาด้วยผ้าแห้ง ห้ามใช้ผ้าเปียก

ขั้นตอน การวาดลวดลาย

  • เลือกแบบลายที่จะทำโดยวาดบนกระดาษเปล่า หรือลอกลายสำเร็จบนกระดาษลอกลายที่เตรียมไว้
  • จัดวางตำแหน่งของลวดลายลงบนวัสดุที่จะวาดคร่าวๆ ให้พอดีกับชิ้นงาน ดูว่าต้องลด หรือเพิ่มส่วนไหนอีกบ้าง
  • ลอกลายลงบนพื้นผิววัสดุที่จะวาด โดยใช้กระดาษคาร์บอนซ้อนด้านล่างแผ่นลาย แล้วติดเทปยึดบนวัสดุเพื่อกันไม่ให้ลายเคลื่อนที่ ลอกลายด้วยปากกาลูกลื่น หรือสีที่แตกต่างจากลายเส้นเดิม เพื่อให้เห้นชัดเจนว่าลอกส่วนใดไปบ้างแล้ว ลายที่ลอกจะติดบนเนื้อไม้ที่อยู่ด้านล่าง
  • ทดสอบความร้อนของปากกาบนเศษไม้ก่อนลงมือจริง
  • วาดลวดลายโดยใช้ปากกาความร้อน เพื่อสร้างสรรค์ลวดลายต่าง ๆ เริ่มจากวาดลายเส้นหลักทั้งหมดก่อน
  • เมื่อเกิดเขม่าที่ปลายปากกา ให้ฝนออกโดยกลิ้งเบา ๆ ที่กระดาษทราย
  • แรเงา หรือใช้เทคนิคอื่น ๆ ตกแต่งให้ทั่วลาย
  • ระบายสีอ่อน ๆ ให้ทั่วภาพ หรือเฉาะส่วนที่ต้องการ โดยเลือกใช้สีที่เข้ากับลาย
  • ใช้ปากกาความร้อนวาดซ้ำในส่วนที่ต้องการเน้นความคมชัด ลงแสงเงาต่าง ๆ หรือระบายสีเพิ่มเติม
  • เคลือบน้ำมันซักเงา หรือแล็กเกอร์เพื่อรักษาลวดลาย และเนื้อไม้ให้คงทนสวยงาม

ขั้นตอน การระบายสี

การระบายสี เป็นขั้นตอนสำคัญอีกขั้นตอนหนึ่ง ที่จะทำให้ชิ้นงานเกิดความสวยงาม การระบายวิธีที่ 1

  • หลังจากวาดลวดลายหลักด้วยปากกาความร้อนแล้ว ควรลบเส้นลอกลายเดิมออกให้หมดก่อนลงสี
  • ระบายสีอ่อน ๆ ก่อนเพื่อทดสอบ ถ้าไม่แน่ใจว่าจะใช้สีใด ให้ระบายลงในแบบลายร่างที่ใช้ลอกลงบนชิ้นงาน เพื่อดูว่าสีที่เลือกใช้นั้นสวยงามเหมาะสมอย่างที่คิดไว้หรือไม่ ถ้าแน่ใจแล้วว่าไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง ค่อยระบายสีลงบนเนื้อไม้ โดยเริ่มจากสีอ่อนไล่ไปหาสีเข้ม
  • ใช้ปากกาความร้อนวาดลวดลายเพิ่มเติม เก้บรายละเอียดให้ครบถ้วน
  • หลังลงสีเรียบร้อยแล้ว จะวาดลายเส้นเพิ่มก้ได้ แต่ไม่ค่อยดีนัก เพราะจะทำให้เกิดเขม่าจับตรงปลายปากกา
การระบายวิธีที่ 2
  • ใช้ดินสอดำร่างลวดลายที่ต้องการลงบนไม้ให้สมบูรณ์
  • ลงสีครั้งที่ 1 เป็นสีอ่อนและสีกลาง
  • ลงลวดลายด้วยปากกาความร้อนตามรอยดินสอที่วาดไว้ โดยวาดเส้นหลัก ๆ ก่อนแล้วค่อยลงเส้นรายละเอียดทีหลัง
  • ลงสีครั้งที่ 2 ให้เป็นสีเข้มเพื่อเน้นแสงเงา และความคมชัดของภาพ แต่ไม่ควรระบายสีทับเส้นที่วาดด้วยปากกาความร้อนไว้แล้ว

เทคนิคการตกแต่งสี

 These oil color pencils are semi-opaque, so the woodgrain can still be seen through a veil of rich color.

   Oil color pencils are a simple, quick, clean alternative to painting or stenciling on wood. This makes them an ideal medium for the beginner or advanced artisan.

   การให้สี หรือการระบายสี เป็นขั้นตอนที่สำคัญเช่นเดียวกับการวาดลวดลายลงบนชิ้นไม้ เพราะจะช่วยเสริมลวดลายให้สวยงามเด่นสะดุดตามากกว่ารอยไม้อย่างเดียว โดยเฉพาะชิ้นงานใหญ่ ๆ เช่น ภาพการ์ตูน หรือภาพเลียนแบบธรรมชาติ การเลือกเทคนิคลงสีอย่างถูกต้องเหมาะสมจะช่วยเสริมผลงานให้ออกมาดียิ่งขึ้น

   สีที่เหมาะจะระบายลงบนลวดลายซึ่งวาดด้วยปากกาความร้อนมากที่สุด คือ ดินสอสีน้ำมัน ซึ่งเป็นสีน้ำมันที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว

    -ระบายสีทับกันไปมาได้ โดยสีจะผสมกันเอง ทำให้เกิดสีสันที่กลมกลืนสวยงาม
    -มีประกายสีชัดเจน นุ่มนวล ติดทนนานบนเนื้อไม้
    -เคลือบเงาได้โดยความเข้มของสีไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เหมือนสีไม้ธรรมดาทั่วไป
    -ติดทนนานไม่เลาะเทอะหรือหลุดลอกง่าย
    -สามารถลบสีที่ไม่ต้องการออกได้ด้วยยางลบดินสอ
    -ไม่เป็นพิษ หรือทำลายสิ่งแวดล้อม

เทคนิคพิเศษในการระบายสี

1. เทคนิคการทำสีกลมกลืน (Pastel Sketch Techniques)
   เป็นเทตนิคการทำสีให้กลมกลืน โดนเริ่มจากระบายสีอ่อนไปหาสีเข้ม การระบายสีต้องเลือกสีที่กลมกลืนกัน และระบายต่อเนื่องให้มีน้ำหนักเท่า ๆ กัน ให้สีผสมกันไปในตัว ไม่แยกออกเป็นชั้น ๆ อาจใช้สำลีก้าน (Cottonbud) เกลี่ยสีให้เรียบเป็นเนื้อเดียวกัน

2. เทคนิคการทำสีเข้ม (Solid Color Techniques)
   เป็นเทคนิคที่ใช้ เมื่อต้องการให้สีมีความเข้มมาก หรือต้องการให้สีดูมีน้ำหนัก เพื่อเน้นความคมชัด และเห็นความแตกต่างของน้ำหนักสีอย่างชัดเจน มักใช้ในขั้นตอนที่ 4 ของการระบายสี เริ่มจากการฝนสีให้ได้น้ำหนักเข้มตามต้องการ ควรระบายสีให้มีน้ำหนักสม่ำเสมอกัน ถ้าต้องการให้เห็นความแตกต่างให้ลงสีทึบคู่กับสีอ่อน จะทำให้เกิดแสงเงาบนภาพที่แตกต่างกันออกไป หรือถ้าลงสีเข้มตลอดทั้งภาพ จะได้ภาพที่คมชัดคล้ายภาพพิมพ์

3. เทคนิคการทำไฮไลต์ (Highlight Techniques)
    เป็นเทคนิคการเพิ่มแสงเงา เพื่อให้เกิดความโดดเด่นในภาพ ภาพจะดูมีมิติขึ้นมา ไม่แบนราบเกินไป การทำให้ภาพเกิดแสงเงา ทำได้โดยใช้สีขาว สีครีม หรือสีเนื้อ ระบายทับลงบนสีเดิมเฉพาะส่วนที่ต้องการให้เกิดความนูน หรือความสว่างที่เรียกว่า "ไฮไลต์"
นอกจากนี้อาจใช้เทคนิคการเว้นที่ว่างเฉพาะส่วนเอาไว้บนพื้นสีเข้ม เพื่อเพิ่มสีอ่อนลงไปภายหลัง จะทำให้เกิดแสงสว่างหรือจุดไฮไลต์ขึ้นมาได้เช่นกัน

4. เทคนิคการใช้สีน้ำมัน (Oil Wash Techiques)
   นอกจากดินสอสีน้ำมันแล้ว ยังใช้สีน้ำมันชนิดน้ำได้ด้วย โดยผสมสีน้ำมัน 3 ส่วน กับน้ำมันสน 1 ส่วน ผสมให้ได้สีตามต้องการ ใช้ภู่กันระบายทิ้งไว้ให้แห้ง 3-7 วัน ระวังอย่าระบายทับลวดลายที่วาดด้วยปากกาความร้อนไว้แล้ว ถ้าต้องการเน้นเส้นกรอบก้สามารถวาดเพิ่มได้หลังระบายสีแล้ว

5. เทคนิคการใช้สีอะครีลิค (Acrylic Colour Techniques)
นอกจากดินสอสีน้ำมัน และสีน้ำมันชนิดน้ำแล้ว ยังมีสีที่ใช้ได้อีกชนิดหนึ่งคือสีอะครีลิก ซึ่งเป็นสีที่ใช้สะดวก แค่ผสมสีกับน้ำก้สามารถใช้งานได้แล้ว ส่วนการล้างภู่กันก็ใช้น้ำธรรมดาเช่นกัน สีอะครีลิกระบายง่ายและแห้งเร็วภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าทิ้งให้แห้งสนิทจริง ๆ ใช้เวลาประมาณ 3 วัน จึงจะลงลวดลายปากกาความร้อนเพิ่มเติมได้

เทคนิค การเคลือบลวดลาย


การเคลือบลวดลายบนเนื้อไม้เป็นขั้นตอนสำคัญอีกขั้นตอนหนึ่ง ที่จะช่วยให้ชิ้นงานโดดเด่นขึ้น ช่วยรักษาคุณภาพของลวดลายที่วาดไว้ อีกทั้งยังรักษาเนื้อไม้ให้คงทนยาวนาน เหมาะกับการใช้งาน ไม่ว่าจะนำชิ้นงานนั้นไปเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านหรือเป็นเครื่องใช้ในบ้านก้ตาม

การเคลือบลวดลายทำได้หลายวิธี ดังนี้

    เคลือบด้วยอะคริลิกแล็กเกอร์
    เคลือด้วยแล้กเกอร์แบบสเปรย์
    เคลือบด้วยสีย้อมไม้
    เคลือบด้วยเซลแล้ก
    เคลือบด้วยวานิช
    เคลือบด้วยยูรีเทน
    เคลือบด้วยเรซิ่น
    เคลือบด้วยน้ำมันกันเชื้อรา
    เคลือบด้วยสีกากเพชร


การลบลวดลายที่ไม่ต้องการ

การลบลวดลายที่ไม่ต้องการ

   - ลวดลายที่วาดด้วยดินสอ ให้ลบออกด้วยยางลบดินสอชนิดอ่อน
   - ลวดลายที่เกิดจากการลอกลายด้วยกระดาษคาร์บอน ให้ลบออกด้วยยางลบหมึกชนิดแท่งแข็ง
   - ลวดลายที่เกิดจากการวาดด้วยปากกาความร้อน ให้ขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 0
   - ลวดลายที่ระบายด้วยดินสอสีน้ำมัน ให้ลบออกด้วยยางลบดินสอชนิดอ่อน
   - ลวดลายที่ระบายด้วยสีน้ำมันชนิดน้ำ ให้ลบออกด้วยน้ำมันสน ถ้าสียังไม่แห้งให้ลบออกด้วยทินเนอร์ แต่ถ้าสีแห้งแล้วลบออกไม่ได้ ต้องทาสีใหม่ทับ
   - ลวดลายที่ระบายสีด้วยสีอะคริลิก ให้เช้ดออกด้วยกระดาษทิชชู่ในขณะที่สียังไม่แห้ง
   - ลวดลายที่เคลือบเงาแล้วไม่ควรลบ เพราะจะทำให้เนื้อไม้ และลวดลายเสีย แต่ถ้าต้องการลบจริง ๆ ให้ขัดออกด้วยกระดาษทรายเบอร์ 0

ศิลปะ วิธีปิดทอง

ศิลป วิธีปิดทอง
การปิดทอง
• เมื่อใช้ยางรัก หรือ สีน้ำมัน (กรณีหายางรักไม่ได้) มื่อสีแห้งหมาดๆ ได้ที่แล้ว นำแผ่นทองคำเปลวชนิด 100 % มาวาง (ทองคำเปลวมีหลายเกรด ) จากนั้น ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะทองเบา ๆ วางเรียงเป็นแถว
• เสร็จแล้วใช้ฟองน้ำลูบไล้เนื้อทองตรงพื้นที่กว้าง ส่วนพื้นที่ลายเส้นเล็ก ๆ ให้ใช้คอตตอนบัด หรือที่ทาตา ปัดเบา ๆ ให้เนื้อทองลงไปตามช่องเล็ก ๆ ทั่วทุกซอกทุกมุม

ข้อควรระวัง :
- ระหว่างการปิดทอง อย่ากดแรง ถ้ากดแรง ทองจะขาดยุ่ย
- กรณีที่เนื้อทองตรงไหนขาด ให้เติมทองได้นิดหน่อย โดยลูบเบา ๆ ค่อย ๆ
เกลี่ยเนื้อทองให้เต็ม
- เศษทองไม่ควรจะนำมาใช้อีก เพราะจะไม่สวย โดยเฉพาะตรงที่เป็นพื้นที่กว้าง แต่เศษทองใช้ได้กับที่เป็นลายเส้นเล็ก ๆ

• เมื่อปิดทองเสร็จ ให้เก็บทองส่วนเกิน โดยใช้คัตเตอร์ใหญ่ปาดทองออก
• ใช้น้ำมันสนเช็ดให้สะอาดอีกครั้ง วิธีการเช็ดต้องระวัง ให้หยดน้ำมันสนลงบนกระดาษปอนด์ที่ขาวสะอาด (ขนาด A4 พับครึ่งให้เป็นกระดาษ 2 ชั้น) แล้วเช็ดผ่านเนื้อทองได้เลย ยกเว้น ที่เป็นพื้นที่ปิดทองกว้าง ๆ ไม่ควรเอาอะไรไปเช็ด เพราะจะทำให้เสียหายได้

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:  นิตยสารเส้นทางเศรษฐี. ปีที่ 7

ศิลปะการปิดทอง

ศิลปะการปิดทอง
ผู้แต่ง : เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล, บก.
รายละเอียดหนังสือ
จำนวน : 96 หน้า
ขนาดรูปเล่ม : 210 x 290 x 6 มม.
เนื้อในพิมพ์ : สี่สีในเล่ม
ชนิดของปก : ปกอ่อน
เดือน/ปี ที่พิมพ์ : --/2007

สารบัญ
- ความเป็นมาของลายรดน้ำ
- ตู้ลายรดน้ำรูปแบบต่างๆ
- การกำหนดอายุและลวดลายของตู้ลายรดน้ำ
- หีบพระธรรม
- กรรมวิธีในการสร้างลายรดน้ำ
- พรรณไม้ที่ใช้ในงานลายรดน้ำปิดทอง
- ศิลปะลายรดน้ำวัดตะกาดเง้า
- ศิลปาชีพประเทศกัมพูชา
- มัณฑเลเมืองแห่งวัฒนธรรม
- การเขียนลายกำมะลอ โดย อาจารย์บัณฑิต อินทร์คง
ฯลฯ

เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือศิลปะการปิดทองเล่มนี้ เรียบเรียงขึ้นมาเพื่อประกอบการศึกษาวิธีการการสร้างลายรดน้ำด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ กัน ทั้งแบบพื้นฐานตามอย่างโบราณ จนกระทั่งวิธีการนำเสนอเทคนิคในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ประยุกต์ขึ้น ณ ปัจจุบันนี้ เพื่อดำรงไว้ซึ่งศิลปะด้านจิตรกรรมไทยประเภทลวดลายไทย ที่มีมาในสมัยโบราณซึ่งยิ่งใหญ่วิจิตรอลังการเป็นที่สุด และเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้เรื่องลายรดล้ำที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยเรา

ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จึงประกอบไปด้วยรูปภาพ ที่เป็นภาพผลงานฝีมือช่างลายรดน้ำในยุคสมัยต่าง ๆ กันนับตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา ซึ่งผลงานลายรดน้ำเหล่านี้ช่างในยุคหลังยกย่องให้เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเรียกกันต่อมาว่าฝีมือชั้นครู

(บางส่วนจากคำนำ)

Art For Everyday Woodcarving

Architectural woodcarving of Art For Everyday.

ศิลปะลายรดน้ำ

ศิลปะลายรดน้ำ
ประพันธ์โดย สนั่น รัตนะ
รายละเอียดหนังสือ
ISBN: 9749024621
สำนักพิมพ์: สิปประ

เรื่องย่อ
ศิลปะลายรดน้ำ เป็นศิลปะประจำชาติไทยมาช้านาน มีการถ่ายทอดวิวัฒนาการมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน น่าเสียดายที่ศิลปวัฒนธรรมและเทคโนโลยีตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงหลายปีนี้ มีส่วนทำให้ศิลปะไทยถูกลืมเลือนและทอดทิ้ง รวมทั้งศิลปะลายรดน้ำซึ่งเป็นหนึ่งในงานศิลปะไทยที่มีคุณค่าก็กำลังจะถูกลืมไปด้วยเช่นกัน หนังสือเล่มนี้เป็นประโยชน์ต่อนุชนรุ่นหลังที่ต้องการศึกษาค้นคว้า หรือฝึกฝนการทำจิตรกรรมไทยลายรดน้ำ เพื่อการอนุรักษ์หรือพัฒนาไปประกอบอาชีพได้ใช้เป็นฐานข้อมูลในการศึกษาอย่างถูกต้องและครบถ้วนตลอดกรรมวิธี

ช่างศิลป์ไทย

ช่างศิลป์ไทย
การบรรยายพิเศษศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ “ช่างสิบหมู่กับงานสถาปัตยกรรมไทย”
โดย อ.วนิดา พึ่งสุนทร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร


พระราชดำรัสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ความตอนหนึ่งว่า

“งานช่างศิลป์ไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของชาติ
เพราะศิลปะเป็นเครื่องแสดงให้เห็นสถานภาพทางสังคม เศรษฐกิจ และวิถี
ชีวิตของคนในชาติที่สืบทอดกันมายาวนานจนเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ...”

กระแสพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน ในพิธีเปิดนิทรรศการพิเศษเรื่อง การช่างศิลป์ไทย พ.ศ.2536

ช่างเชี่ยวช่างชาญเป็นงานช่าง     ช่วยสร้างช่วยสรรค์เป็นงานศิลป์
เป็นทิพย์เป็นไทยให้แผ่นดิน        ไม่สุดไม่สิ้นสืบวิญญาณ
ช่างเชียน ช่างปั้น ช่างแกะ สลัก   หล่อ กลึง หุ่น รัก บุปูน ประสาน
คือช่างสิบหมู่ผู้บันดาล              สายธารเส้นทางแห่งช่างไทย
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ .....ประพันธ์

ทองคำเปลว

ทองคำเปลว
เผยให้เห็น ศิลปการทำทองของช่างทำทองโบราณ ที่มีความรู้อันยาวนานกว่า  100 ปี   ทองคำเปลว ต้องใช้ทองคำ 99 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะสามารถตีแผ่ขยายออกไปได้

ขั้นตอนการทำทองคำเปลว
รอนทอง คือตัดแผ่นให้ได้ กว้างและยาว 1 ซม.
นำทองที่ตัดแล้วมาใส่กุบ แล้วนำมาซ้อนกันประมาณ 720 ชั้น
แล้วนำมาตีโดยช่างตีทอง โดยใช้ ค้อนทองเหลือง และกบหนังวัวซึ่งจะบรรจุทองอยู่ข้างในเพื่อไม่ให้ทองเคลื่อนตัว ตีประมาณ 8 ชั่วโมง
แล้วนำทองที่ตีได้นำมาจัดให้ได้สี่เหลี่ยมโดยใช้ไม้ไผ่ตัดทอง เรียกว่า “ไม้เลี๊ยะ”more info ayothayagoldleaf.com, thanasakgoldleaf.com

เลือกซื้อสิ่วไม้

สิ่วไม้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับช่างไม้ เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพควรเลือกซื้อสิ่วให้ตรงกับการใช้งาน สำหรับช่างแกะสลักไม้ จะใช้เครื่องมือที่ทำมาเฉพาะงาน แต่ในกรณีนี้โดยหลักทั่วไปในการเลือกซื้อ สำหรับงานเพื่อการแซะไม้ทั่วไปควรเลือกซื้อสิ่วปากบาง หรือสำหรับงานเซาะร่องเดือยลึกๆ ควรเลือกซื้อสิ่วเดือยที่มีก้านหนาและแข็งแรง

สำหรับงานเซาะแกะไม้ให้มีร่องโค้ง ควรเลือกซื้อ สิ่งทำบัว ซึ่งมีทั้งบัวคว่ำและบัวหงาย สำหรับงานกลึงไม้ ควรเลือกซื้อสิ่วที่มีด้ามที่ยาวแล ะใบที่หนาและเข็งแรง ส่วนหน้าตัดของใบมีดมีให้เลือกหลายแบบตามความต้องการใช้งาน

ส่วนประกอบของสิ่วประกอบด้วย ด้ามควรเป็นด้ามไม้ที่มีขนาดเหมาะมือในการจับใช้งาน ควรมี ห่วงเหล็กสวมที่ปลายด้ามเพื่อป้องกันด้ามแตกเมื่อใช้งานไปนานๆ ถ้าเป็นด้ามไฟเบอร์หรือพลาสติกจะต้องทำจากวัสดุที่แข็ง ซึ่งด้ามนั้นจะต้องยึดติดแน่นกับตัวใบสิ่ว

การเลือกซื้อใบสิ่วควรพิจารณาคมสิ่วจะต้องมีการ ขึ้นมุมตัดมาเรียบร้อยแล้วไม่มีรอยบิ่นที่คมสิ่ว ขนาดตรงตามความต้องการที่นำไปใช้งาน เนื้อโลหะไม่เป็นสนิม

สิ่งประดิษฐ์จากไม้ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน


สิ่งประดิษฐ์จากไม้ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน

๑. ขอบข่าย
๑.๑ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนนี้ครอบคลุมเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ประดิษฐ์จากไม้ธรรมชาติ โดยอาจเป็นไม้ธรรมชาติล้วน หรือใช้วัสดุอื่นตกแต่งด้วยก็ได้ ทั้งนี้ไม่ครอบคลุมถึงเครื่องเรือน ผลิตภัณฑ์จำลอง เครื่องดนตรี ของเล่น และผลิตภัณฑ์จากไม้ที่ได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนขึ้นแล้ว

๒. บทนิยาม
ความหมายของคำที่ใช้ในมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนนี้ มีดังต่อไปนี้
๒.๑ สิ่งประดิษฐ์จากไม้ หมายถึง สิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากไม้ธรรมชาติโดยนำมาแปรรูปด้วยการตัด ไส กลึง แกะสลัก ใช้เป็นของใช้ทั่วไป ของตกแต่ง หรืออื่นๆ เช่น ถาด กล่อง กรอบรูป แจกัน พวงกุญแจ รูปสัตว์ต่างๆ ตุ๊กตา ไม้แกะสลัก อาจมีการลงสี เคลือบสี หรือเคลือบผิว และอาจใช้วัสดุอื่น เช่น เหล็ก กระจก ช่วยในการตกแต่งด้วยก็ได้

๓. คุณลักษณะที่ต้องการ
๓.๑ ลักษณะทั่วไป
๓.๑.๑ ต้องมีรูปแบบ รูปทรงที่เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละผลิตภัณฑ์ ฝีมือประณีต
๓.๑.๒ ต้องไม่มีรา เห็ด มอด แมลง ในชิ้นงานที่เห็นได้อย่างชัดเจน
๓.๑.๓ ต้องแข็งแรง ทนทาน เหมาะกับประโยชน์ใช้สอยและไม่แตก ร้าว บิด โก่ง หัก งอ ทำให้เสียสภาพการใช้สอย
๓.๒ การประกอบ การตัดต่อชิ้นงานหรือการประกอบเป็นรูปทรง รอยต่อของไม้ต้องเรียบร้อย ประณีต ติดแน่น คงทน ไม่มีรอยแตกร้าวหรือรอยเครื่องมือจากการประกอบชิ้นงาน
๓.๓ ลวดลาย(ถ้ามี) ต้องมีความประณีตสม่ำเสมอ การต่อลวดลายต้องแนบเนียน มีลวดลายที่ถูกต้องตลอดชิ้นงาน
๓.๔ สี (ถ้ามี) ต้องเรียบสม่ำเสมอ ไม่เป็นเม็ด 
๓.๕ การประกอบด้วยวัสดุอื่น(ถ้ามี)ต้องมีความประณีตเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย ติดแน่น คงทน และวัสดุประกอบไม่ทำให้คุณค่าของ
เนื้อไม้ลดลง
๓.๖ การเคลือบผิว (ถ้ามี) ผิวที่เคลือบต้องเรียบ มีความสม่ำเสมอ ไม่เป็นเม็ด เมื่อตรวจสอบโดยวิธีให้คะแนนตามข้อ ๗.๑ แล้ว ต้องได้คะแนนเฉลี่ยของแต่ละลักษณะจากผู้ตรวจสอบทุกคนไม่น้อยกว่า ๓ คะแนน และไม่มีลักษณะใดได้ ๑ คะแนน จากผู้ตรวจสอบคนใดคนหนึ่ง

๔. การบรรจุ

๔.๑ หากมีการบรรจุ ให้บรรจุสิ่งประดิษฐ์จากไม้ในภาชนะบรรจุที่สะอาด เรียบร้อย พอที่จะป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งประดิษฐ์จากไม้ได้
๕. เครื่องหมายและฉลาก
๕.๑ ที่ฉลากสิ่งประดิษฐ์จากไม้ทุกหน่วยหรือภาชนะบรรจุสิ่งประดิษฐ์จากไม้ทุกหน่วย อย่างน้อยต้องมี เลขอักษร หรือเครื่องหมาย แจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ให้เห็นได้ง่าย ชัดเจน
(๑) ชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ เช่น ไม้แกะสลัก พวงกุญแจ โคมไฟ แจกัน ถาด
(๒) ชนิดของไม้ที่ใช้ทำ เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง ไม้รัง
(๓) เดือน ปีที่ทำ
(๔) ข้อแนะนำในการใช้และดูแลรักษา (ถ้ามี)
(๕) ชื่อผู้ทำ หรือสถานที่ทำ พร้อมสถานที่ตั้ง หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในกรณีที่ใช้ภาษาต่างประเทศ ต้องมีความหมายตรงกับภาษาไทยที่กำหนดไว้ข้างต้น

๖. การชักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน
๖.๑ รุ่น ในที่นี้ หมายถึง สิ่งประดิษฐ์จากไม้ที่ทำโดยกรรมวิธีเดียวกัน ที่ทำหรือส่งมอบหรือซื้อขายในระยะเวลาเดียวกัน
๖.๒ การชักตัวอย่างและการยอมรับ ให้เป็นไปตามแผนการชักตัวอย่างที่กำหนดต่อไปนี้
๖.๒.๑ การชักตัวอย่างและการยอมรับ สำหรับการทดสอบการบรรจุ และเครื่องหมายและฉลาก ให้ชักตัว
อย่างโดยวิธีสุ่มจากรุ่นเดียวกัน จำนวน ๕ ตัวอย่าง เมื่อตรวจสอบแล้วทุกตัวอย่างต้องเป็นไปตาม
ข้อ ๔. และข้อ ๕. จึงจะถือว่าสิ่งประดิษฐ์จากไม้รุ่นนั้นเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
๖.๒.๒ การชักตัวอย่างและการยอมรับ สำหรับการทดสอบลักษณะทั่วไป การประกอบ ลวดลาย สี การ
ประกอบด้วยวัสดุอื่น และการเคลือบผิว ให้ใช้ตัวอย่างที่ผ่านการทดสอบตามข้อ ๖.๒.๑ แล้ว
จำนวน ๕ ตัวอย่าง เมื่อตรวจสอบแล้วตัวอย่างต้องเป็นไปตามข้อ ๓.๑ ถึงข้อ ๓.๖ จึงจะถือว่าสิ่งประดิษฐ์จากไม้รุ่นนั้นเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
๖.๓ เกณฑ์ตัดสิน ตัวอย่างสิ่งประดิษฐ์จากไม้ต้องเป็นไปตามข้อ ๖.๒.๑ และข้อ ๖.๒.๒ จึงจะถือว่าสิ่งประดิษฐ์จากไม้รุ่นนั้น เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนนี้

๗. การทดสอบ

๗.๑ การทดสอบลักษณะทั่วไป การประกอบ ลวดลาย สี การประกอบด้วยวัสดุอื่น และการเคลือบผิว
๗.๑.๑ ให้แต่งตั้งคณะผู้ตรวจสอบ ประกอบด้วยผู้ชำนาญในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์จากไม้อย่างน้อย ๕ คน แต่ละคนแยกกันตรวจและให้คะแนนโดยอิสระ
๗.๑.๒ หลักเกณฑ์การให้คะแนน ให้เป็นไปตามตารางที่ ๑
ตารางที่ ๑ หลักเกณฑ์การให้คะแนน

ลักษณะที่ตรวจสอบ
เกณฑ์ที่กำหนด
ระดับการตัดสิน (คะแนน)
ดีมาก
ดี
พอใช้
ต้องปรับปรุง
ลักษณะทั่วไป
ต้องมีรูปแบบ รูปทรงที่เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละผลิตภัณฑ์ ฝีมือประณีต
4
3
2
1
ต้องไม่มีรา เห็ด มอด แมลง ในชิ้นงาน ที่เห็นได้อย่างชัดเจน
4
3
2
1
ต้องแข็งแรง ทนทาน เหมาะกับประโยชน์ใช้สอยและไม่แตก ร้าว บิด โก่ง หัก งอทำให้เสียสภาพการใช้สอย
4
3
2
1
การประกอบ
รอยต่อของไม้ต้องเรียบร้อย ประณีต ติดแน่น คงทน ไม่มีรอยแตกร้าวหรือรอยเครื่องมือจากการประกอบชิ้นงาน
4
3
2
1
ลวดลาย(ถ้ามี)
ต้องมีความประณีตสม่ำเสมอ การต่อลวดลายต้องแนบเนียน มีลวดลายที่ถูกต้องตลอดชิ้นงาน
4
3
2
1
สี (ถ้ามี)
ต้องเรียบสม่ำเสมอ ไม่เป็นเม็ด
4
3
2
1
การประกอบด้วยวัสดุอื่น (ถ้ามี)
ต้องมีความประณีตเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย ติดแน่น คงทน และวัสดุประกอบ
ไม่ทำให้คุณค่าของเนื้อไม้ลดลง
4
3
2
1
การเคลือบผิว (ถ้ามี)
ผิวที่เคลือบต้องเรียบ มีความสม่ำเสมอไม่เป็นเม็ด
4
3
2
1

๗.๒ การทดสอบการบรรจุ และเครื่องหมายและฉลาก ให้ตรวจพินิจ